Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 15/11/2556 ]
สั่งงดเดินเรือสินค้าพระราม7-9 เจ้าท่าเข้มลอยกระทงปลอดภัย
  รมว.คมนาคมสั่งงดเดินเรือขนส่งสินค้าให้ประชาชนลอยกระทง รถไฟ-บ.ข.ส.-บินไทย-รถเมล์เพิ่มเที่ยวรับคนแห่เที่ยว คุมเข้มปล่อยโคมลอย สธ.เตือนระวังจมน้ำ-เล่นพลุ
          เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ เพื่อให้อุบัติเหตุจากการขนส่งสาธารณะเป็นศูนย์ คือ ต้องไม่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บในช่วงเทศกาลดังกล่าว
          นายชัชชาติกล่าวว่า สั่งการให้กรมเจ้าท่า (จท.) อำนวยความสะดวกประชาชนและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เบื้องต้นกรมเจ้าท่าออกประกาศงดการเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างสะพานพระราม 7-สะพานพระราม 9 ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ส่วนเรือโดยสารประจำทางและเรือท่องเที่ยวเดินเรือได้ตามปกติ ส่วนการเดินเรือคลองแสนแสบจะประกาศหยุดเดินเรือเวลา 18.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ท่าเทียบเรือลอยกระทง
          "ขณะเดียวกันเตรียมเจ้าหน้าที่ 186 นาย ประจำท่าเรือโดยสาร 62 แห่ง ในพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และนักท่องเที่ยวในการขึ้นลงเรือและลอยกระทงที่ท่าเรือ นอกจากนี้ ยังจัดเรือตรวจการณ์ 11 ลำ ตรวจการณ์รอบบริเวณท่าเรือ" นายชัชชาติกล่าว
          นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนการอำนวยความสะดวกการเดินทางประชาชนในช่วงเทศกาลนั้น สั่งการให้ทุกหน่วยงานทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศ เตรียมเพิ่มเที่ยวการเดินทางให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เตรียมเพิ่มตู้โดยสารเฉพาะสายเหนืออีก 1-3 ตู้ ในขบวนรถประจำที่ให้บริการอยู่ 250 ขบวนต่อวัน เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีกประมาณ 2-3 หมื่นคนต่อวัน จากปกติรองรับได้ประมาณ 1 แสนคนต่อวัน
          นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) จัดเตรียมรถให้บริการระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้นอีก 285 เที่ยวต่อวัน จากปกติ 5,825 เที่ยวต่อวัน รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12,929 คนต่อวัน หรือรองรับผู้โดยสารได้รวม 121,929 คนต่อวัน ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จะเพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งอีก 480 เที่ยวต่อวัน รวมเป็น 22,080 เที่ยววิ่ง/วัน รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 117,850 คน/วัน หรือรองรับผู้โดยสารได้รวม 1,560,000 คนต่อวัน
          นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเพิ่มเที่ยวบินพิเศษเส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ไปและกลับจำนวน 2 เที่ยวบิน จากปกติไปและกลับ 16 เที่ยวบิน รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 748 คน หรือรวมเป็น 5,134 คน และสั่งการให้กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ดูแลความปลอดภัยด้านการบินอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการปล่อยโคมลอย และโคมควัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน โดย บพ.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และชุมชนให้แจ้งพิกัด วัน เวลา และจำนวนโคมลอยที่จะปล่อยล่วงหน้า 3 วัน เพื่อประสานงานจัดการจราจรทางอากาศได้อย่างปลอดภัย และจะออกประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และเชียงราย ปล่อยโคมลอยได้เฉพาะช่วงหลังเวลา 21.00 น.เท่านั้น ส่วนโคมควัน ปล่อยได้เฉพาะระหว่างเวลา 10.00-12.00 น.
          ด้าน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงฉลองเทศกาลลอยกระทงว่า สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศเตรียมพร้อมหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน รถพยาบาล และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉิน คลังเลือด ให้พร้อมต่อการช่วยเหลือประชาชน โดยภัยที่มักพบในเทศกาลลอยกระทงมี 3 เรื่อง คือ 1.การบาดเจ็บจากการเล่นดอกไม้ไฟ พลุและประทัด 2.อุบัติเหตุจราจร และ 3.การจมน้ำ หากประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ขอให้โทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ชีพนเรนทร หมายเลข 1669 ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
          นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในสังกัด 28 แห่งทั่วประเทศ พบว่าในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ 2551-2555 มีผู้บาดเจ็บจากการถูกเปลว สะเก็ดดอกไม้ไฟหรือพลุรวม 2,979 ราย เฉลี่ยปีละ 596 ราย เสียชีวิต 8 ราย เฉพาะปี 2555 บาดเจ็บ 756 ราย เสียชีวิต 4 ราย โดยช่วงเทศกาลลอยกระทงพบผู้บาดเจ็บจากพลุร้อยละ 22 หรือประมาณ 166 ราย ที่น่าสนใจพบว่าการบาดเจ็บมีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ราย อายุที่พบต่ำสุด 2 ปี สูงสุด 90 ปี ร้อยละ 16 มีอาการเมาเหล้าร่วมด้วย
          นพ.ณรงค์กล่าวว่า จากการวิเคราะห์อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่จะเกิดที่มือและข้อมือมากที่สุด ร้อยละ 43 ในจำนวนนี้กระดูกนิ้วมือแตกร้อยละ 15 นิ้วขาดบางส่วนและทั้งหมดร้อยละ 10 อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บรองลงมาคือ ศีรษะ พบร้อยละ 13 แผลถูกความร้อนและสารกัดกร่อนบริเวณร่างกาย ร้อยละ 10
          นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)  กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทงมีเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอุบัติเหตุบนถนนเพราะจากสถิติพบว่าเทศกาลลอยกระทงในปี 2555 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 78 ราย และเสียชีวิตจากการจมน้ำ 21 ราย รวมเสียชีวิต 99 ราย บาดเจ็บ 678 ราย อุบัติเหตุที่เกิดส่วนหนึ่งเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้การเล่นพลุดอกไม้ไฟต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจได้รับบาดเจ็บจากการเล่นและเกิดไฟไหม้ได้ การเล่นพลุดอกไม้ไฟหากสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น จะมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
          พญ.พุดตาน วงศ์ตรีรัตนชัย อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า สถิติผู้ป่วยจากการเล่นประทัดและพลุ ช่วงเทศกาลวันลอยกระทงในปี 2554 มีประมาณ 20-30 ราย แต่ปี 2555 มีเพิ่มถึง 40 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งเล็กน้อยจากเศษประทัด-พลุ สูญเสียอวัยวะ เช่น แขนขาด ขาขาด ตาบอด หูตึง และจนถึงขั้นเสียชีวิต เป็นสถิติที่น่าเป็นห่วงมาก
          พญ.พุดตานกล่าวว่า ปีนี้หน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง เตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุจากการเล่นประทัดและพลุโดยจะมีแพทย์เฉพาะทางทั้งด้านกระดูก  ด้านตา ด้านหู มาช่วยดูแล เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะกระทบทุกด้าน เช่น กรณีเกิดระเบิดโดนมือ จะไม่โดนเฉพาะมือแต่อาจโดนตาทำให้ตาบอดได้ หรือบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส ต้องตัดนิ้วเพราะกระดูกแตก ตัดแขน หรือตาแตก
          "อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดเรื่องประทัด-พลุมากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียกับประชาชนสำหรับกลุ่มเด็กๆ อยากให้ผู้ปกครองควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด" พญ.พุดตานกล่าว และว่า ส่วนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เกิดอุบัติเหตุหรือโดนเศษประทัดนั้น ควรใช้น้ำสะอาดล้าง ถ้าหากไม่มีให้ใช้ผ้าสะอาดคลุมแล้วรีบมาโรงพยาบาล หรือบางรายที่รุนแรงถึงมือขาด นิ้วขาด ให้เก็บเศษชิ้นส่วนทั้งหมดใส่ถุงพลาสติกแช่น้ำแข็งแล้วรีบไปโรงพยาบาล
          ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตร.สั่งการให้ทุก บช. โดยเฉพาะสถานีตำรวจทุกพื้นที่ ประสานกับฝ่ายปกครองในการกวดขัน สถานที่เก็บวัตถุ สารเคมีหรือดินปืนที่ใช้ผลิตดอกไม้เพลิง พลุ และประทัดให้อยู่ในสภาพปลอดภัย การป้องกันอันตรายขณะขนย้าย
          พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร กล่าวว่า ส่วนผู้เล่นดอกไม้เพลิง พลุ และประทัด ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท กรณีที่เป็นเด็กให้ดำเนินการกับผู้ปกครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย นอกจากนี้ยังให้ทุกหน่วยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนห้ามเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และโคมลอยในลักษณะที่สร้างความหวาดกลัวและก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น และให้เพิ่มความระมัดระวังช่วงเทศกาลลอยกระทงที่จะมีคนออกมาเที่ยวงานจำนวนมาก
          วันเดียวกัน พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ ผกก.สภ.ธัญบุรี พร้อมนายเฉลิมพล มั่งคั่ง นายอำเภอธัญบุรี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอาคารที่เหตุระเบิดและไฟไหม้ เลขที่ 40/ 93-94 ภายในตลาดสดพรธิสาร คลองสิบ หมู่ 6 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีผู้เสียชีวิต 2 และบาดเจ็บ 7 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ทั้งนี้ เพื่อค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ยังสูญหายอีกหนึ่งราย ปรากฏว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในอาคารที่เกิดเหตุ สภาพศพไหม้เกรียมหมดทั้งตัวและมีแผ่นปูนทับอยู่ระหว่างบ้านเลขที่ 93 และ 94 ชาวบ้านข้างเคียงมาดูสภาพศพกล่าวยืนยันว่าเป็นศพ น.ส.ยุพา พือขุนทด อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นพนักงานของร้านดังกล่าว ประกอบกับสามีแจ้งความไว้ที่ สภ.ธัญบุรี ว่าภรรยาหายตัวไปในวันเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ต้องส่งศพไปตรวจสอบที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อยืนยันอีกครั้ง
          นายเฉลิมพลกล่าวว่า ได้รับการสั่งการจากนายพงศธร สัจจชลพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้เร่งตรวจสอบร้านจำหน่ายพลุดอกไม้ไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต หากพบให้ดำเนินตามกฎหมายทันทีอีก ดังนั้น จะนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามร้านค้า ตลาดนัดและตลาดสดต่างๆ หากมีแม่ค้าพ่อค้าคนใดนำพลุมาจำหน่ายโดยไม่มีการขอใบอนุญาตจะจับดำเนินคดีทันที
 pageview  1205868    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved