Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 05/11/2556 ]
การรักษามะเร็งที่ศีรษะและลำคอ

 

  นพ.ชัยยศ เด่นอริยะกูล
          หัวหน้ากลุ่มงานโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลกลาง
          สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
          จากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลก ( 2008)  ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมากกว่า 12,000 รายต่อปี  นับเป็นอันดับ 4 ในเพศชาย และเป็นอันดับ 7 ในเพศหญิง  60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีอายุมากกว่า 55 ปี  มะเร็งบริเวณนี้ที่พบบ่อย ได้แก่  มะเร็งในช่องปาก เช่น ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม เป็นต้น  ต่อมาเป็นมะเร็งในลำคอ  โพรงหลังจมูก กล่องเสียง  และต่อมไทรอยด์  ตามลำดับ
          สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งบริเวณนี้ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า  การเคี้ยวหมากเป็นเวลานาน การดูแลสุขภาพ ช่องปากไม่ดี  การมีแผลเรื้อรังในช่องปาก รวมไปถึงการติดเชื้อ ไวรัสบางชนิด  และกรรมพันธุ์
          การรักษามะเร็งที่ศีรษะและลำคอนี้  สามารถทำได้ 4 วิธีคือ การผ่าตัด  การฉายแสง  เคมีบำบัด  และแพทย์ทางเลือกอื่นๆ
          1.การผ่าตัด  ถือเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ในการทำให้มะเร็งหายขาดได้  โดยการตัดเอาส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออก  พร้อมกับซ่อมแซมส่วนที่เหลือให้กลับมาทำงานได้ปกติเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด แต่มีข้อเสียคือ มักจะเป็นการสูญเสียอวัยวะและทำให้ไม่สวยงาม เช่น มะเร็งที่กล่องเสียง จำเป็นต้องผ่าตัดเอากล่องเสียงออก  แล้วทำทางเปิดให้หลอดลมมาเป็นท่อหายใจอยู่ที่ลำคอหรือเป็นมะเร็งที่ลิ้นก็จำเป็นต้องตัดลิ้นออก บางส่วน เป็นต้น
          2. การฉายแสงหรือใช้รังสีรักษา เป็นการใช้รังสีชนิดพิเศษฉายไปที่บริเวณของเนื้อมะเร็ง  เช่น  มะเร็งโพรงหลังจมูก  ซึ่งเป็นการทำลายเซลล์มะเร็งทำให้หายได้  หรือฉายไปยังส่วนของ
          พื้นที่บริเวณที่ได้รับการผ่าตัดเอาเนื้อมะเร็งออกไปแล้ว  เป็นการฉายเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งส่วนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่เหลืออยู่ ป้องกันมิให้เกิดซ้ำกลับมาเป็นอีกในภายหลัง  ผลข้างเคียง  มักจะทำให้เกิดการอักเสบ แสบร้อนในช่องปากและลำคอ  กลืนกินอาหารลำบาก เบื่ออาหาร  ปากแห้งคอแห้ง เนื่องจากต่อมน้ำลายจะถูกทำลายทำให้สร้างน้ำลายได้น้อยลง  และผิวหนังบริเวณที่ฉายแสงจะมีสีคล้ำแข็งเป็นพังผืด เป็นต้น
          3. การใช้เคมีบำบัด หรือปัจจุบันมีคนชอบใช้คำว่า "คีโม" มา
          จากภาษาอังกฤษว่า " Chemotherapy"  จะใช้ร่วมกันกับ 2 วิธีข้างต้น ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นวิธีการใช้ยาเพื่อไปกำจัดเซลล์มะเร็งตามที่ต่างๆ ที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งไปถึง แต่วิธีนี้มักมีอาการข้างเคียงค่อนข้างสูง และมีราคาแพง อาการที่พบได้ เช่น คลื่นไส้  อาเจียน  เบื่ออาหาร เวียนศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลียตามร่างกาย ผมร่วงและยาจะไปกดไขกระดูก  ทำให้การสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือดลดลง เกิดอาการซีด ติดเชื้อง่าย และเลือดออกได้ง่าย หยุดยาก เป็นต้น
          4. วิธีแพทย์ทางเลือกแบบต่างๆ เช่น การใช้โภชนบำบัด การปฏิบัติตัวตามแนวทางชีวจิต การนั่งทำสมาธิ โยคะ  รวมไปถึงการใช้ยาสมุนไพรต่างๆ
          จะเห็นได้ว่าการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมีหลายวิธี และต้องนำมาใช้แบบผสมผสานกัน  คล้ายที่เราเรียกว่าแบบ "ค็อกเทล( Cocktail )" เหมือนการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากเหล้า น้ำผลไม้  เครื่องปรุงรส แต่งกลิ่นหลายชนิด มารวมกันแบบพอเหมาะให้ได้รสชาติกลมกล่อม  การรักษาด้วยวิธีเดียว มักได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ  การเลือกใช้วิธีใดบ้างมักขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น  ระยะของมะเร็งที่เป็น  ตำแหน่ง  ชนิดของเซลล์มะเร็ง  การลุกลามและแพร่กระจาย เป็นต้น  และสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงด้วยคือ  สภาวะความแข็งแรงของร่างกาย  รวมทั้งสภาพจิตใจของ ผู้ป่วย  ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าผู้ป่วยเป็นมะเร็งของกล่องเสียงที่ลุกลามมายังต่อมน้ำเหลืองที่คอ  การรักษาที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดเอากล่องเสียงออกพร้อมกับต่อมน้ำเหลืองที่คอข้างนั้นทั้งหมด  แต่ถ้าสภาพร่างกายผู้ป่วยทรุดโทรมมาก  ไม่อาจทนต่อการผ่าตัดใหญ่ได้  ก็ควรทำการฉายแสงไปก่อน  แล้วติดตามดูผลพร้อมกับบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้น  ถ้าก้อนยุบลงได้บ้าง  ร่วมกับผู้ป่วยแข็งแรงขึ้นพร้อมรับการผ่าตัดใหญ่ได้แล้ว  จึงค่อยผ่าตัดออกในขั้นตอนต่อมาได้  ทั้งนี้ผู้ที่จะพิจารณา  มักจะได้แก่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา อันได้แก่ แพทย์หู คอ จมูก  รังสีแพทย์ และแพทย์อายุรกรรมทางเคมีบำบัด ตัดสินใจ  เสนอแนวทางที่เหมาะสม  แล้วให้ผู้ป่วย รวมทั้งญาติ เป็นผู้เลือกสุดท้ายว่าจะใช้วิธีการใดจึงจะดีที่สุด
          สิ่งที่มักพบว่าเป็นปัญหาใหญ่ในการรักษาโรคมะเร็งบริเวณนี้ คือ  ผู้ป่วยมักจะได้ข้อมูลในการรักษามาแบบไม่ครบถ้วน  ส่วนใหญ่ จะรับรู้แต่เฉพาะข้อเสียของการรักษาแต่ละวิธี  เช่น  ผ่าตัดมาแล้วไม่เห็นจะหาย  ผ่าตัดกล่องเสียงออกแล้วจะพูดไม่ได้เลย  ฉายแสง แล้วไม่รอดสักราย  หรือให้เคมีบำบัดร่างกายมีแต่จะทรุด ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้คนไข้เกิดความกลัว  ไม่กล้ารักษา  ต้องหันไปพึ่งแต่วิธีการแพทย์ทางเลือก  หรือยาหม้อสมุนไพรอย่างเดียว ซึ่งในหลักฐานทางการแพทย์พบว่า  วิธีเหล่านี้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้มะเร็งหายได้  แต่จะช่วยสนับสนุนกับวิธีมาตรฐาน ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น  มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  หรือยืด ชะลอให้ตัวมะเร็งเจริญเติบโต ลุกลามได้ช้าลง  ดังนั้น ขอได้โปรดอย่ารักษามะเร็งด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอย่างเดียว  ต้องประกอบกันหลายวิธี  ทั้งแบบปัจจุบันและแบบทางเลือกจะเป็นการดีที่สุด  เพราะบางครั้งเมื่อเป็นมะเร็งในระยะเริ่มต้น แต่มัวไปรักษาผิดทาง  จนโรคลุกลามมากขึ้น  หรือแพร่กระจายไปไกลแล้ว  ก็ยากที่จะกลับมารักษาให้หายได้ครับ ผมขอบอก
 pageview  1205456    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved