คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน เตรียมเสนอ “ประยุทธ์” ขอปลดล็อกให้เอกชนนำเข้าวัคซีน และผลิตยารักษาโควิดเองอย่างเร่งด่วน แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้านผู้ติดเชื้อวานนี้ยังสูง 19,603 ราย
          นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ส.อ.ท. เตรียมทำหนังสือขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งด่วน เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          “ตอนนี้กำลังตรวจสอบความถูกต้องหนังสือ ภายใน 1-2 วันนี้น่าจะจัดส่งถึงนายกรัฐมนตรีได้” นายสุพันธุ์ กล่าว
          ทั้งนี้ กกร.จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีนั้นมี 4 ประการ คือ 1.ขอให้ปลดล็อกการนำเข้าวัคซีน โดยให้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนชนิดอื่น ๆ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และเปิดให้เอกชนสามารถนำเข้าได้ด้วย เพื่อเพิ่มปริมาณวัคซีนให้เพียงพอกับการใช้งานในขณะนี้ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไม่สามารถรอได้ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
          2.ขอให้ปลดล็อกการผลิตยารักษาโควิด (Favipiravir) ให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งการผลิตยาดังกล่าวต้องผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่อนุมัติให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว ขณะที่ผู้ผลิตยาภาคเอกชนมีความพร้อมในการผลิตยาดังกล่าว
          3.การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น ค่าวัคซีน, ค่าชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และ 4.การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบ
          ด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ (9 สิงหาคม) ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,603 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 16,119 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,159 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 313 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 12 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 149 ราย
          สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงล่าสุด อยู่ที่ 776,108 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 19,819 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 6,353 ราย