นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารมาเป็นพลังงานได้ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และหากมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานโดยไม่ควบคุม อาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อาการชาปลายมือปลายเท้า จอประสาทตาเสื่อม ไตวาย รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตามถึงแม้เบาหวานจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เพื่อลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่จะเกิดในอนาคต
พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาหารมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกรับประทาน ผลไม้หวานน้อย เช่น แอปเปิล สาลี่ ชมพู่ หลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัดและผลไม้แปรรูปทุกชนิด รับประทานผักใบเขียวมากกว่าผักประเภทหัว เช่น ฟักทอง ข้าวโพด เผือก มัน เนื่องจากมีแป้งอยู่ปริมาณมาก หากรับประทานพืชหัวเหล่านี้ควรลดอาหารประเภทข้าว/แป้งอื่นๆ และสามารถเพิ่มรสชาติโดยใช้สมุนไพร พริกไทย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว ในการชูรสอาหาร นอกจากนี้ควรรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย ไม่ติดมันและหนัง เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยเบาหวานคือ ขนมหวานทุกชนิด ขนมราดหน้าด้วยกะทิ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ นมปรุงแต่งและนมเปรี้ยวรสชาติต่างๆ หากปฏิบัติตนตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายสามารถควบคุมเบาหวานให้ระดับน้ำตาลในเลือดใกล้เคียงปกติมากที่สุด และส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง.
"ถึงแม้เบาหวานจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เพื่อลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่จะเกิดในอนาคต" | 
