พิษจากหมอกควัน ภาคเหนือป่วยวันละเกือบ 2 หมื่นราย

ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ประชาชนในภาคเหนือต้องประสบกับปัญหามลพิษจากหมอกควันอย่างหนัก เพราะนอกจากควันและฝุ่นละอองที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงที่มีกิจกรรมการเผาเศษวัสดุที่เหลือจากการเกษตรในพื้นที่โล่งเพื่อเตรียมการเพาะปลูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเผาในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน และการเกิดไฟป่าด้วย ประกอบกับสภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้มลพิษต่างๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง หมอกควันจึงบดบังวิสัยทัศน์ เป็นอุปสรรคในการคมนาคมขนส่ง มีผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ตามรายงานการรักษาผู้ป่วยนอกโดยวินิจฉัยตาม 4 กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ จากข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ในสัปดาห์ที่ 10 (ระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคม) ล่าสุดได้รายงานยอดจำนวนผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มโรคไว้ดังนี้

1. กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด

ยอดผู้ป่วยในกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิดของสัปดาห์นี้มีจำนวน 20,944 ราย ลดลงจากยอดผู้ป่วยในสัปดาห์ที่ผ่านมา 2,741 ราย โดยคิดเป็นอัตราป่วยต่อแสนประชากรในภาพรวมเท่ากับ 410.93 โดยมีอัตราป่วยสูงสุดที่จังหวัดลำพูน 898.88 ต่อแสนประชากร ดังภาพที่ 1

ที่มา : รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควันด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ณ สัปดาห์ที่ 10 (4–10 มีค. 55) อ้างใน http://dpc10.ddc.moph.go.th/pher/smog.html


2. กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด

ยอดผู้ป่วยในกลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิดของสัปดาห์นี้มีจำนวน 19,836 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 5,001 ราย โดยคิดเป็นอัตราป่วยต่อแสนประชากรในภาพรวมเท่ากับ 389.19 โดยมีอัตราป่วยสูงสุดที่จังหวัดลำพูน 704.18 ต่อแสนประชากร ดังภาพที่ 2


ภาพที่ 2 สถานการณ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยนอกกลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิดที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน


ที่มา : รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควันด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ณ สัปดาห์ที่ 10 (4–10 มีค. 55) อ้างใน http://dpc10.ddc.moph.go.th/pher/smog.html


3. กลุ่มโรคตาอักเสบ

ยอดผู้ป่วยในกลุ่มโรคตาอักเสบของสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยจำนวน 1,667 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 598 ราย ซึ่งคิดเป็นอัตราป่วยต่อแสนประชากรในภาพรวมเท่ากับ 32.71 โดยมีอัตราป่วยสูงสุดที่จังหวัดพะเยา 59.84 ต่อแสนประชากร ดังภาพที่ 3


ภาพที่ 3 สถานการณ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยนอกกลุ่มโรคตาอักเสบที่อาจมีผลกระทบ ต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน


ที่มา : รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควันด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ณ สัปดาห์ที่ 10 (4–10 มีค. 55) อ้างใน http://dpc10.ddc.moph.go.th/pher/smog.html


4. กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ

ยอดผู้ป่วยในกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบของสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยจำนวน 2,153 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 457 ราย ซึ่งคิดเป็นอัตราป่วยต่อแสนประชากรในภาพรวมเท่ากับ 42.24 โดยมีอัตราป่วยสูงสุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 77.86 ต่อแสนประชากร ดังภาพที่ 4


ภาพที่ 4 สถานการณ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยนอกกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน


ที่มา : รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควันด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ณ สัปดาห์ที่ 10 (4–10 มีค. 55) อ้างใน http://dpc10.ddc.moph.go.th/pher/smog.html


โดยรวมแล้ว สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มลพิษทางอากาศซึ่งเกิดขึ้นซ้ำๆ กันทุกปีนี้ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในภาคเหนือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากปริมาณฝุ่นขนาด 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเพิ่มมากขึ้น อาจเพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุร้อยละ 4.5 เพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบบทางเดินหายใจร้อยละ 9.8 เพิ่มอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดร้อยละ 3.9 และเพิ่มอัตราการตายในผู้สูงอายุที่มากกว่า 65 ปี ถึงร้อยละ 5.4 โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมาก่อนเช่น ภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมโปงพอง และโรคหัวใจ